
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาการศึกษาด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้ให้ความสำคัญในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพิ่มขึ้น ทำให้การพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในปัจจุบันมีการยอมรับมากขึ้น ซึ่งมีความกังวลว่าการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอาจจะส่งผลให้สภาพแวดล้อมทางน้ำเสื่อมโทรม ถึงแม้ว่าจะมีการพัฒนาหรือปรับปรุงการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาอาหารให้มีของเสียน้อยลง การตรวจหาโรค การพัฒนาสายพันธุ์และการจัดการน้ำ
การนำเทคโนโลยีหรือนวัตกรรม มาตรฐานต่าง ๆ ที่หลากหลาย การจัดการชุมชน และกฎระเบียบของรัฐบาลที่มีต่อแนวทางปฏิบัติที่ดี อาจจะทำให้ฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำขนาดเล็กมีอุปสรรคในการลงทุนหรือปฏิบัติตาม ทำให้เกษตรกรมีโอกาสในการขยายตลาดและความสามารถในการทำกำไรลดลง
ความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ
ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ขึ้นอยู่กับชนิดพันธุ์สัตว์น้ำที่เลี้ยงและแนวทางปฏิบัติในการจัดการความเสี่ยง อุณหภูมิที่สูงมาก ปริมาณออกซิเจนละลายน้ำต่ำ น้ำท่วมและภัยแล้ง ส่งผลกระทบต่อการเติบโต การสืบพันธุ์และการอยู่รอดของสัตว์น้ำ นอกจากเหตุการณ์สภาพอากาศแปรปรวน (Extreme Weather Event) แล้วนั้น แนวโน้มภาวะโลกร้อนขึ้น ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น และภาวะความเป็นกรดของน้ำทะเลก็มีผลกระทบต่อผลผลิตสัตว์น้ำเช่นกัน
การแก้ปัญหาที่อาศัยธรรมชาติเป็นพื้นฐาน
เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและสภาพอากาศ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจึงเริ่มหันมาสำรวจแนวทางการแก้ปัญหาที่อาศัยธรรมชาติเป็นพื้นฐาน Nature-based Solutions (NbS) (IUCN 2022) ซึ่งประกอบด้วย: การส่งผลดีต่อธรรมชาติ (Nature-positive) ช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพและเพิ่มการบริการของระบบนิเวศ; การพึ่งพาธรรมชาติ (Nature-dependent) เป็นการให้ธรรมชาติช่วย เพื่อให้การบริการของระบบนิเวศดำเนินต่อไป; และ แนวทางที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ (Nature-inspired) ใช้ความรู้จากกระบวนการทางธรรมชาติ ชีวภาพ หรือระบบนิเวศมาพัฒนาเป็นนวัตกรรม
แนวทางที่ไม่ได้พึ่งธรรมชาติ (Nature-independent) เป็นการแก้ไขปัญหาจากวัสดุที่ผลิตขึ้นและอุปกรณ์ทางเทคโนโลยี ซึ่งจะไม่ใช่ส่วนสำคัญของการศึกษานี้ แต่ยังมีประโยชน์ในการนำมาเปรียบเทียบข้อมูล
การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการแก้ปัญหาที่อาศัยธรรมชาติเป็นพื้นฐาน (NbS) ได้หลายวิธี เช่น การกําจัดสารอาหารส่วนเกิน (Nutrients) หรือ การจัดการคุณภาพน้ำด้วยการกรองสารแขวนลอย การใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างยั่งยืนและคุ้มค่า โดยการจัดการระบบนิเวศในพื้นที่การปรับกิจกรรมให้มีประโยชน์ต่อธรรมชาติมากขึ้น การทดแทนด้วยวิธีการอื่นที่ได้ผลดีกว่า หรือการจัดการพื้นที่เพื่อลดผลกระทบต่อระบบนิเวศทางน้ำ
ตัวอย่าง (NbS) ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศบริเวณชายฝั่งและทางทะเลซึ่งเป็นแหล่งอาหารและสินค้าอื่น ๆ ที่หลากหลาย เพราะการเปลี่ยนป่าชายเลนเป็นบ่อเลี้ยงกุ้งแบบหนาแน่นเป็นการลดพื้นที่ที่ช่วยกักเก็บคาร์บอนและพื้นที่ในการป้องกันผล กระทบจากพายุ รวมถึงแหล่งที่อยู่อาศัยที่สำคัญของสัตว์น้ำก่อให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพ มีการนำแนวทางการเลี้ยงกุ้งแบบอินทรีย์ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูป่าชายเลน ในจังหวัดก่าเมา ประเทศเวียดนาม โครงการนี้สนับสนุนให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฟาร์มสีเขียว ช่วยกันฟื้นฟูระบบนิเวศ โดยการปลูกและอนุรักษ์ป่าชายเลน (UNEP 2022).

AQUADAPT-Nature
โครงการ AQUADAPT-Nature มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มทางเลือกที่ยั่งยืนให้กับเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำขนาดเล็กที่กำลังเผชิญกับความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศไทยและเวียดนาม โดยการสนับสนุนด้านนวัตกรรม การประเมินผล และการนำวิธีแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศด้วยแนวทางจากธรรมชาติมาใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เนื่องจากการใช้แนวทางธรรมชาติเพื่อแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ (Nature-based climate solutions) เพื่อให้มีศักยภาพ แต่ยังขาดการส่งเสริมทางด้านความรู้และความเข้าใจหรือการแบ่งหน้าที่และแบ่งปันผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัว ข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและความเสี่ยงที่เกิดขึ้นต่อความเท่าเทียมในกลุ่มผู้ด้อยโอกาสยังมีน้อยมาก
การประเมินการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกี่ยวข้องกับระบบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเป็นงานที่ซับซ้อน เราจะเน้นวิธีการปฏิบัติของเกษตรกรเพื่อให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น นิยามของการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศที่อาศัยธรรมชาติเป็นพื้นฐาน คือ “แนวปฏิบัติด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ที่หลากหลายที่ช่วยสนับสนุน ฟื้นฟู หรือปกป้องระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ โดยจะวัดความสำเร็จที่ความสามารถในการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศแปรปรวนซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทาย”
ซึ่งการใช้แนวทางปฏิบัติด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อช่วยฟื้นฟูหรือปกป้องระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ ด้วยวิธีการดังกล่าว โครงการนี้จึงมีส่วนช่วยในการพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยให้เกษตรกรเป็นศูนย์กลางและใช้แนวทางการแก้ปัญหาโดยธรรมชาติเป็นหลัก
โครงการจะเรียนเชิญผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและทุกภาคส่วน เพื่อช่วยประเมินแนวทางการใช้ธรรมชาติแก้ปัญหาผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะใช้วิธีการเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณในการสำรวจแนวปฏิบัติไปจนถึงกรณีศึกษาแบบบูรณาการด้านองค์ความรู้ โดยจะใช้แบบจำลองสถานการณ์ การวิเคราะห์ต้นทุน-ผลประโยชน์ การวิเคราะห์ตลาด และแนวทางด้านอื่นๆ
การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเป็นแหล่งอาหารที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหารและโภชนาการในสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ผลการวิจัยของโครงการจะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนเชิงกลยุทธ์ในภาคส่วนการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของประเทศไทยและเวียดนาม

ความเป็นมาของโครงการและสมาชิก
โครงการ AQUADAPT-Nature (2023-2027) ได้ต่อยอดจากการศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในภาคเหนือของประเทศไทย (2012-2016) และ การศึกษาการปรับตัวและนวัตกรรมด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (2017-2020)
จัดทำโดย หน่วยวิจัยสังคมและสิ่งแวดล้อม (USER) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมมือกับ 4 องค์กร ได้แก่ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ประเทศไทย; มหาวิทยาลัยเกิ่นเทอ ประเทศเวียดนาม; และ มหาวิทยาลัยควีน ประเทศแคนาดา
ขอบคุณ
การดำเนินงานครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณจาก Government of Canada’s International Climate Finance Initiative และ International Development Research Centre กรุงออตตาวา ประเทศแคนาดา

