โดย ดร.ชนกันต์ จิตมนัส

ราคาอาหารสำเร็จรูปสำหรับการเลี้ยงปลามีการปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปลาป่นมีราคาแพง รวมทั้งปริมาณและคุณภาพปลาป่นไม่คงที่ ทำให้ผู้เลี้ยงปลาจำนวนมากประสบปัญหาขาดทุนและต้องเลิกกิจการ จึงมีความจำเป็นต้องหาแหล่งโปรตีนราคาถูกมาทดแทนปลาป่น ช่วยลดการปลดปล่อยไนโตรเจนและฟอสฟอรัส เพื่อลดผลเสียที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม (Awad 2024) หญ้าเนเปียร์ (Napier grass, Pennisetum purpureum) เป็นพืชที่ปลูกง่าย มีถิ่นกำเนิดในแถบประเทศของแอฟริกา พบปลูกแพร่กระจายทั่วโลกในแถบประเทศอบอุ่น ไทยได้นำหญ้าเนเปียร์จากประเทศมาเลเซียเข้ามาปลูกครั้งแรก ปัจจุบันพบได้ทั่วไปในหลายพื้นที่ ทำให้เกษตรกรสะดวกที่จะใช้หญ้าเนเปียร์เป็นส่วนผสมของอาหารปลา การใช้หญ้าเนเปียร์เป็นอาหารทางเลือกต้นทุนต่ำและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับการเลี้ยงปลานิลซึ่งเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างยั่งยืนในอนาคต บทความนี้ต้องการนำเสนอข้อดี ความท้าทายและศักยภาพในการใช้หญ้าเนเปียร์เป็นส่วนผสมอาหารปลานิล
ข้อดีด้านคุณค่าทางอาหาร
หญ้าเนเปียร์ สายพันธุ์ปากช่อง 1 เป็นหญ้าเนเปียร์ลูกผสมที่นิยมปลูกอย่างแพร่หลาย จัดเป็นเป็นพืชอาหารสัตว์ที่มีศักยภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการ โดยผลผลิตอายุ 60 วัน จะมีโปรตีนประมาณ 15% ไขมัน 1.3% และเยื่อใย 35% (Sunaree 2017) และมีความเป็นไปได้ในการนำหญ้าเนเปียร์มาผสมอาหารปลานิลเพื่อทดแทนปลาป่น และช่วยลดการใช้อาหารเม็ดสำเร็จรูปที่มีราคาสูง เพราะปลานิลเป็นปลากินพืช (Herbivorus) มีความสามารถในการย่อยวัตถุดิบที่มาจากพืชได้ดี ซึ่งอาจจะนำไปสู่การเจริญเติบโตที่ดีขึ้นและส่งผลต่อสุขภาพของปลา อาหารที่เหลือหรือตกหล่นจากการกินของปลาจะเป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่ก่อให้เกิดแพลงก์ตอนพืชซึ่งเป็นการผลิตขั้นแรกหรือขั้นปฐมภูมิ (primary production) สามารถเป็นอาหารเสริมให้กับปลาในบ่อ
การลดต้นทุนอาหาร
อาหารเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของสำเร็จของการเลี้ยงปลา มีผลให้ปลาโตเร็ว แข็งแรง อัตรารอดสูงทำให้ได้ปริมาณและคุณภาพผลผลิตดี อย่างไรก็ตามต้นทุนอาหารปลาของเกษตรกรสูงถึง 50 – 60% ของต้นทุนการเลี้ยงทั้งหมด ความท้าทายของการเลี้ยงปลานิลคือความพยายามลดต้นทุนการเลี้ยงให้ต่ำลง หญ้าเนเปียร์โตไวและหาได้ไม่ยากจึงเป็นแหล่งอาหารทางเลือกในการใช้เป็นส่วนผสมอาหารปลานิลช่วยลดต้นทุนการผลิต ทีมงานของสำนักงานประมงจังหวัดเชียงรายมีการคิดสูตรอาหารปลานิล ซึ่งประกอบด้วย หญ้าเนเปียร์ 6 ส่วน รำข้าว 4 ส่วน และหัวอาหาร 1 ส่วน เมื่อนำมาผสมและบดแล้วให้ปลา พบว่าปลากินดีมาก ช่วยลดต้นทุนค่าอาหารปลา (Bangkok Post 2017) เพราะปัจจุบันอาหารปลามีราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 30 บาท แต่ถ้าใช้หญ้าต้นทุนจะลดเหลือเพียงกิโลกรัมละ 6 บาท (Technology Chaoban 2021)
แหล่งวัตถุดิบอาหารปลายั่งยืน
หญ้าเนเปียร์เป็นทรัพยากรที่ทดแทนหรือนำมาใช้ใหม่ได้ (renewable resource) และช่วยลดผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมของการทำฟาร์มปลานิลโดยการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (carbon footprint) หรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้หญ้าเนเปียร์ซึ่งเป็นวัตถุดิบในท้องถิ่นจะช่วยลดต้นทุนพลังงานที่ใช้ในการขนส่งอาหารปลาและของเสียที่เกิดจากขนส่ง ปลานิลสามารถเปลี่ยนอาหารเป็นเนื้อได้อย่างดี อย่างไรก็ตามอาหารที่เหลือและสิ่งขับถ่ายกลุ่มแอมโมเนียและฟอสฟอรัส อาจจะทำให้เกิดสารอาหารที่เยอะในน้ำส่งผลทำให้คุณภาพน้ำแย่ลงและก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพปลา การสร้างสูตรอาหารผสมหญ้าเนเปียร์ที่มีปริมาณฟอสฟอรัสน้อย ปลาย่อยได้ง่ายและทำให้ปลาดูดซึมสารอาหารได้ดี ช่วยลดปริมาณของเสียในบ่อ ทำให้สิ่งแวดล้อมในบ่อเลี้ยงมีความสะอาดมากขึ้น จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคระบาด ปลาโตดีขึ้นและได้ผลผลิตปลานิลสูงขึ้น
การย่อยอาหารและสุขภาพของลำไส้
แม้ว่าหญ้าเนเปียร์มีสารอาหารหลายชนิดที่สัตว์ต้องการแต่มีองค์ประกอบของเยื่อใย (fiber) ค่อนข้างสูง จึงควรจะมีการหมักหญ้าเพื่อให้เกิดจุลินทรีย์ที่ช่วยย่อยเยื่อใย ปริมาณเยื่อใยที่เหมาะสมจะช่วยให้ประสิทธิภาพการย่อยอาหาร ทำให้มีการดูดซึมสารอาหารดีขึ้น ส่งผลให้ปลาโตดีขึ้น ชวณัฐและคณะ (2014) ทดลองใช้หญ้าเนเปียร์เป็นส่วนผสมในสูตรอาหาร (10 – 15%) สำหรับเลี้ยงปลานิลแปลงเพศที่มีน้ำหนักเฉลี่ยเริ่มต้น 4.88±0.67 กรัม นาน 20 วัน พบว่า ปลานิลโตช้าอาจเนื่องมาจากหญ้าเนเปียร์จะมีปริมาณของเยื่อใยที่สูง ทำให้ปลาไม่สามารถดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้ดีเท่าที่ควร โดยเยื่อใยที่ต่ำ (3-5%) สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเจริญเติบโตของปลานิลแต่หากอาหารเยื่อใยสูงจะส่งผลให้ประสิทธิภาพการย่อยอาหารลดลง เพื่อทำให้การย่อยอาหารปลาดีขึ้น ธนากรและนิธินันท์ (2021) ทดลองใช้หญ้าเนเปียร์หมัก 10 % ผสมนมหมักกรด 10 % เลี้ยงปลานิลวัยอ่อน พบว่า ปลามีการเจริญเติบโตที่ดีขึ้น
งานทดลองใช้หญ้าเนเปียร์ผสมอาหารเพื่อเลี้ยงปลานิล
งานทดลองนี้ได้ทำที่คณะเทคโนโลยีการประมงและทรัพยากรทางน้ำ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เพื่อทดสอบความเป็นไปได้ของการใช้หญ้าเนเปียร์เป็นอาหารปลานิล โดยได้รับเงินทุนสนับสนุบางส่วนจากโครงการ AQUADAPT-Nature

ปลานิลแปลงเพศ (ขนาดเริ่มต้นประมาณ 140 กรัม/ตัว) นำมาทดลองเลี้ยงในบ่อดิน โดยให้อาหารผสมหญ้าเนเปียร์สด 20% เปรียบเทียบกับอาหารเม็ดสำเร็จรูปที่ขายตามท้องตลาด สูตรอาหารปลาผสมหญ้าเนเปียร์ได้แสดงในตารางที่ 1 โดยมีต้นทุนประมาณ 28.30 บาทต่ออาหาร 1 กิโลกรัม ทดลองเลี้ยงนาน 8 สัปดาห์
| วัตถุดิบ | เปอร์เซ็นต์โปรตีน | น้ำหนักที่ต้องใช้ (ก.ก) |
|---|---|---|
| ปลายข้าว | 10 | 18 |
| กากถั่วเหลือง | 35 | 28 |
| ปลาป่น | 60 | 14 |
| รำละเอียด | 12 | 20 |
| หญ้าเนเปียร์ | 13.5 | 20 |
| รวม | 100 |
หลังสิ้นสุดการทดลอง พบว่า ปลานิลที่เลี้ยงด้วยอาหารผสมหญ้าเนเปียร์ 20% โตช้ากว่าปลานิลที่ให้กินอาหารเม็ดสำเร็จรูป (ภาพที่ 2) ทำให้เวลาที่ใช้เลี้ยงปลานิลด้วยอาหารผสมหญ้าเนเปียร์จนได้ขนาดที่ตลาดต้องการจะยาวนานกว่า อย่างไรก็ตามเมื่อคิดต้นทุนอาหารต่อน้ำหนักปลาที่ได้ พบว่า ปลาที่เลี้ยงด้วยอาหารเม็ดสำเร็จรูปมีต้นทุนอาหาร 22.40 บาท/ปลา 1 ก.ก. ในขณะที่ปลาที่เลี้ยงด้วยอาหารผสมหญ้าเนเปียร์มีต้นทุนอาหาร 10.87 บาท/ปลา 1 ก.ก.

แม้ว่าการใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาเป็นส่วนผสมของอาหารปลาจะช่วยลดต้นทุนการผลิต เกษตรกรควรพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียในการทำอาหารปลาใช้เองในฟาร์ม เกษตรกรบางรายขาดความรู้เกี่ยวกับการสร้างสูตรอาหารที่เหมาะสมสำหรับปลาแต่ละชนิด รวมทั้งอาจจะใช้แรงงานและเวลาในการทำอาหารปลา การทำอาหารปลาเองช่วยประหยัดต้นทุนแต่อาจจะทำให้ปลาโตช้าและมีน้ำหนักน้อย
ข้อแนะนำสำหรับเกษตรกรที่ต้องการทำอาหารปลาผสมหญ้าเนเปียร์
ขั้นตอนที่ 1 จัดหาหญ้าเนเปียร์: เลือกตัดหญ้าเนเปียร์ที่สดจากฟาร์ม
ขั้นตอนที่ 2 ทำความสะอาดและหั่น: ล้างทำความสะอาดหญ้าเพื่อกำจัดฝุ่น ของปนเปื้อนหรือสิ่งแปลกปลอม ตัดให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อให้สะดวกในการหมัก
ขั้นตอนที่ 3 การเตรียมการหมัก: นำหญ้าที่หั่นแล้วใส่ในภาชนะที่สะอาดหรือถังหมัก เติมตัวช่วยในการหมักอาจจะเป็นรำข้าวหรือจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์เพื่อเป็นหัวเชื้อให้เกิดการหมัก กดทับให้หญ้าจมอยู่ในน้ำหมัก
ขั้นตอนที่ 4 ระยะเวลาในการหมัก: ทิ้งให้เกิดการหมักประมาณ 7 – 10 วัน โดยมีการคนให้เข้ากันเป็นบางครั้ง
ขั้นตอนที่ 5 ตรวจสอบความพร้อม: หากหญ้าจะมีกลิ่นเปรี้ยวและมีสีน้ำตาล แสดงว่า กระบวนการหมักสมบูรณ์และพร้อมใช้
ขั้นตอนที่ 6 การตากแห้ง: นำหญ้าหมักไปตากแห้งภายใต้แสงแดดหรือตู้อบความร้อน
ขั้นตอนที่ 7 การบด: เมื่อหญ้าหมักแห้งแล้ว ให้นำมาบดให้ละเอียด
ขั้นตอนที่ 8 การผสมอาหารปลา: ผสมผงหญ้าหมักกับวัตถุดิบอาหารในอัตราส่วนที่สัตว์น้ำแต่ละระยะต้องการ
ขั้นตอนที่ 9 การเก็บรักษา: เก็บรักษาอาหารผสมหญ้าหมักในที่แห้งและเย็น อย่าให้โดนแสงแดด
ความท้าทายและข้อคิดคำนึง
หญ้าเนเปียร์มีคุณค่าอาหารสำหรับปลากินพืช แต่ปริมาณเยื่อใยที่สูง ความแตกต่างของสารอาหารของหญ้าเนเปียร์ วิธีการเตรียมวัตถุดิบและสูตรอาหาร ช่วงวัยของปลานิล จะมีผลต่อการใช้หญ้าเนเปียร์เป็นส่วนผสมของอาหารปลานิล คุณค่าทางอาหารของหญ้าเนเปียร์ขึ้นอยู่กับคุณภาพของดินที่ปลูก ระยะของหญ้าและการจัดการการปลูก เกษตรกรที่ต้องการใช้หญ้าเนเปียร์เป็นอาหารปลานิลต้องปรับสูตรอาหารให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของปลานิลในแต่ระยะ อย่างไรก็ตาม หากเกษตรกรรายย่อยที่ต้องการซื้อส่วนผสมอาหารที่สำคัญในปริมาณน้อย อาจจะทำให้ราคาต้นทุนอาหารสูง
สรุป
การใช้หญ้าเนเปียร์เป็นอาหารปลานิลเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเกษตรกรที่ต้องการลดต้นทุนอาหาร เพิ่มโอกาสในการผลิตอาหารปลาอย่างยั่งยืนและช่วยให้ปลาโตได้อย่างเหมาะสมแต่อาจจะไม่เร็วเท่ากับการเลี้ยงด้วยอาหารเม็ดสำเร็จรูป งานวิจัยเพิ่มเติมอาจจะต้องพัฒนาสูตรอาหารปลานิลและวิธีการให้อาหารที่เหมาะสมเพื่อธุรกิจฟาร์มปลานิลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
