โดย ดร.ชนกันต์ จิตมนัส

โครงการธนาคารสัตว์น้ำชุมชน (Community Fish Bank) ในประเทศไทยเป็นโมเดลที่โดดเด่นสำหรับการจัดการประมงอย่างยั่งยืน รวมทั้งความพยายามในการอนุรักษ์และเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำที่มีการสนับสนุนจากชุมชน แนวทางที่สร้างสรรค์นี้มีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูประชากรปลาในขณะที่ให้ชุมชนท้องถิ่นมีวิธีการในการจัดการดูแลแหล่งน้ำ เพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำสำหรับการบริโภคและสร้างรายได้
ประเทศไทยเป็นที่ตั้งของระบบนิเวศทางน้ำที่หลากหลายซึ่งสนับสนุนความหลากหลายของสายพันธุ์ปลาที่สำคัญต่อการดำรงชีพของผู้คนจำนวนมาก อย่างไรก็ตามการจับปลาเกินขีดจำกัด (overfishing) การทำลายที่อยู่อาศัย มลพิษและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้นำไปสู่การลดลงอย่างรุนแรงของประชากรปลา ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อความหลากหลายทางชีวภาพและความมั่นคงทางอาหาร โครงการธนาคารสัตว์น้ำชุมชนได้พัฒนาขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของกรอบการทำงานเพื่อส่งเสริมแนวปฏิบัติทางการประมงอย่างยั่งยืนและฟื้นฟูทรัพยากรทางน้ำ บทความนี้จะสำรวจหลักการ การดำเนินการและผลกระทบของโครงการธนาคารสัตว์น้ำชุมชนในบริบทของระบบนิเวศน้ำจืดของประเทศไทย
หลักการของโครงการธนาคารสัตว์น้ำชุมชน
การมีส่วนร่วมของชาวประมงท้องถิ่นและชุมชนในการตัดสินใจ ส่งเสริมความรู้สึกของผู้เข้าร่วม
กิจกรรมในความเป็นเจ้าของและความรับผิดชอบต่อทรัพยากรประมง โครงการนี้เน้นการใช้แนวปฏิบัติการประมงอย่างยั่งยืน รวมถึงการจับปลาในฤดูกาลที่เหมาะสม การใช้เครื่องมือแบบเลือกสรรและการจัดตั้งพื้นที่ห้ามจับปลาเพื่อให้ประชากรปลาฟื้นตัว (Subnawin 2024)
โครงการธนาคารสัตว์น้ำชุมชนได้รับการออกแบบเพื่อเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพและฟื้นฟูที่อยู่อาศัยผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น การสร้างที่อยู่อาศัยของปลา ธนาคารสัตว์น้ำไม่เพียงแต่มีเป้าหมายในการเพิ่มผลผลิตปลา แต่ยังสร้างรายได้เสริมแก่ชุมชน เช่น การท่องเที่ยวเชิงนิเวศและการเพาะเลี้ยงปลา
การดำเนินการ
การดำเนินการโครงการธนาคารสัตว์น้ำชุมชนประกอบด้วย 4 ขั้นตอนต่อไปนี้
การมีส่วนร่วมของคนในชุมชน: การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในท้องถิ่นผ่านการจัดสัมมนาและการประชุมเพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการจับปลาเกินขีดจำกัด การอนุรักษ์สัตว์น้ำและฟื้นฟูแหล่งน้ำ
การจัดตั้งธนาคาร: การกำหนดพื้นที่เฉพาะสำหรับโครงการธนาคารสัตว์น้ำชุมชนซึ่งมีการจำกัดการจับปลาในบางช่วงเวลาเพื่อให้ประชากรปลาได้ฟื้นฟู โดยเฉพาะฤดูกาลที่ปลามีการวางไข่
การตรวจสอบและการบังคับใช้: การจัดตั้งคณะกรรมการท้องถิ่นเพื่อตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎระเบียบการจับปลาและให้แน่ใจว่าได้ปฏิบัติตามแนวทางที่ยั่งยืน
การศึกษาและการฝึกอบรม: การจัดการฝึกอบรมสำหรับชาวประมงท้องถิ่นเกี่ยวกับเทคนิคการประมงอย่างยั่งยืนและความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ
แนวทางและผลลัพธ์
จากการศึกษาของมาลาศรี (2562) พบว่าประชากรปลาที่อยู่ในพื้นที่ธนาคารเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อความพยายามในการอนุรักษ์และยังช่วยเพิ่มปริมาณปลาที่สามารถจับได้อย่างยั่งยืน ปลาที่นำมาปล่อยขึ้นอยู่กับความต้องการในการบริโภคของชุมชนและความเหมาะสมของแหล่งน้ำ ปลาที่แนะนำให้มีการปล่อยคือปลากินพืช เช่น ปลานิล ปลาไนและปลาตะเพียนขาว
โครงการนี้ช่วยเสริมสร้างการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติในระดับท้องถิ่นและส่งเสริมแนวทางการดูแลสิ่งแวดล้อมแบบร่วมมือ ได้จัดหาโอกาสในการทำมาหากินทางเลือกผ่านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน ช่วยบรรเทาความยากจนและเพิ่มคุณภาพชีวิตโดยรวมในชุมชนที่เข้าร่วม
กรณีศึกษา
โครงการธนาคารผลผลิตสัตว์น้ำแบบมีส่วนร่วมของไทยที่ประสบผลสำเร็จ 3 ตัวอย่าง ได้แก่
ธนาคารผลผลิตสัตว์น้ำแบบมีส่วนร่วมอำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา: ตั้งอยู่ที่แหล่งน้ำหนองบัวบ้านไคร้ป่าคา หมู่ที่ 3 ตำบลน้ำแวน อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา มีพื้นที่ 29 ไร่ เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2564 (Facebook page) มีการปล่อยพันธุ์ปลาเพื่อเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำ 415,100 ตัว อาทิเช่น ปลานิล ปลาไน ปลาตะเพียนขาว ปลากระแห ปลาสร้อยขาว ปลายี่สกเทศ ปลานวลจันทร์เทศ เป็นต้น ปัจจุบันมีสมาชิก 156 ราย มีเงินเข้าร่วมหุ้น 81,500 บาท มีกิจกรรมสร้างรายได้ เช่น การเลี้ยงปลาในกระชัง การเลี้ยงหอยขมในกระชัง การเลี้ยงไข่ผำ การเปิดจับผลผลิตสัตว์น้ำ (เปิดตกเบ็ด) สามารถจับสัตว์น้ำขึ้นมาใช้ประโยชน์ประมาณ 4,589 กิโลกรัม และคิดเป็นมูลค่า 363,440 บาท การแปรรูปสัตว์น้ำเพื่อจำหน่าย เช่น แอ๊บปลาดุก ปลาแดดเดียว กิจกรรมต่าง ๆ สามารถสร้างรายได้ให้แหล่งน้ำแห่งนี้เป็นจำนวนเงิน 176,895 บาท มีการจัดสรรเงินหุ้นของสมาชิกตามกฎระเบียบของแหล่งน้ำหนองบัว การมีส่วนร่วมของชุมชนในการวางแผน ตัดสินใจ นำความรู้ภูมิปัญญาในท้องถิ่นมาเพิ่มผลผลิตปลาที่หลากหลายและการทำกิจกรรมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างความเข้มแข็งของชุมชนให้มีความตระหนักเกี่ยวกับการจับสัตว์น้ำ
โครงการธนาคารผลผลิตสัตว์น้ำแบบมีส่วนร่วม ณ “หนองบุ่งเก้ง” บ้านโคกก่อง จังหวัดยโสธร: ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการฯ ในปีงบประมาณ 2566 มีพื้นที่ขนาด 12 ไร่ (DOF 2023) กรมประมงจัดสรรเงินอุดหนุนจำนวน 80,000 บาท ให้ชุมชนร่วมกันปรับปรุงแหล่งน้ำ ให้มีความพร้อมในการเลี้ยงสัตว์น้ำ สร้างอาหารธรรมชาติ อนุบาลและเลี้ยงสัตว์น้ำ ทั้งนี้ได้มีการจับสัตว์น้ำเก่าออกและปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ เช่น ปลานิล ปลาตะเพียนและอื่น ๆ เพื่อเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำของชุมชนเพียงพอต่อการบริโภค สามารถสร้างรายได้และลดรายจ่ายในครัวเรือน อีกทั้งเพิ่มศักยภาพของชุมชนในด้านการพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและบริหารจัดการแหล่งน้ำชุมชนเพื่อเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำจืด ตลอดจนเสริมสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มเกษตรกร ให้สามารถบริหารจัดการกองทุนโครงการฯ และปันผลรายได้ที่เกิดขึ้นจากผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งน้ำชุมชน ที่ช่วยกันดูแลจนเกิดเป็นเงินทุนหมุนเวียนในชุมชน ชุมชนมีผลผลิตสัตว์น้ำและสามารถต่อยอดไปสู่ผลผลิตการเกษตรอื่น ๆ เพื่อสร้างแหล่งอาหาร สร้างอาชีพและรายได้ให้กับคนในชุมชน
โครงการธนาคารผลผลิตเกษตรด้านการประมงบ้านซับสมบูรณ์ จังหวัดบุรีรัมย์: เริ่มดำเนินการเมื่อปี 2560 มีสมาชิกในชุมชนร่วมเป็นหุ้นส่วนจำนวน 81 คน มีผู้ถือหุ้นรวมจำนวน 285 หุ้นๆ ละ 100 บาท โดยการดำเนินงานเน้นใช้หลักการมีส่วนร่วมของชุมชนในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การร่วมคิดวางแผน ดำเนินการ ติดตาม และประเมินผล โดยมีเจ้าหน้าที่กรมประมงในพื้นที่สนับสนุนพันธุ์สัตว์น้ำและคอยเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้โครงการฯ ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีการจับผลผลิตสัตว์น้ำขึ้นใช้ประโยชน์กว่า 13 ตัน มีรายได้จากโครงการฯ ทั้งสิ้น 392,764 บาท และมีการปันผลรายได้เฉลี่ยคืนแก่สมาชิกทุกปี
ตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของโครงการธนาคารผลผลิตสัตว์น้ำแบบมีส่วนร่วมที่ทำให้ชาวประมงท้องถิ่นมีศักยภาพในการดูแลแหล่งน้ำ ก่อให้เกิดความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและพัฒนาสภาพเศรษฐกิจและสังคมของชุมชนในพื้นที่
ความท้าทายและแนวทางในอนาคต
แม้ว่าโครงการธนาคารสัตว์น้ำในชุมชนจะประสบความสำเร็จ แต่ยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งเป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อระบบนิเวศทางน้ำ ความต้องการกลยุทธ์การจัดการที่สามารถปรับตัวได้ ความกดดันจากตลาดและความต้องการปลาที่เพิ่มขึ้นอาจสร้างแรงกดดันให้มีการใช้ทรัพยากรเกินขนาดในพื้นที่ธนาคารและนอกพื้นที่ การจับสัตว์น้ำในปริมาณมากเกินไปจะส่งผลให้การเปลี่ยนแปลงของกลุ่มประชากรสัตว์น้ำ (WWF 2019) นำไปสู่การทดแทนของสัตว์น้ำและเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
ดังนั้นจำเป็นต้องมีความพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ชุมชนมีส่วนร่วมและได้รับข้อมูลเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติที่ยั่งยืน ความสำเร็จของธนาคารสัตว์น้ำในชุมชนจะต้องอาศัยความร่วมมืออย่างเข้มแข็งระหว่างชุมชนท้องถิ่น หน่วยงานรัฐบาล องค์การไม่แสวงหาผลกำไรและสถาบันการศึกษา เพื่อให้มีการสนับสนุนที่ครบวงจรสำหรับความพยายามในการอนุรักษ์
ข้อเสนอแนะสำหรับผู้เกี่ยวข้อง
โครงการธนาคารสัตว์น้ำชุมชนก่อให้เกิดผลดีสำหรับเศรษฐกิจชุมชน ความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและความมั่นคงทางอาหาร โดยมีข้อเสนอแนะสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ดังนี้
เทศบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สนับสนุนนโยบายในการจัดตั้งและช่วยดูแลโครงการธนาคารสัตว์น้ำอย่างต่อเนื่อง จัดหาทุนและทรัพยากรสำหรับการอบรมเชิงปฏิบัติและให้ความรู้กับผู้มีส่วนร่วมในกิจกรรม นักวิชาการและนักวิจัย ศึกษาเกี่ยวกับชนิดและความหลากหลายของสัตว์น้ำท้องถิ่นรวมทั้งระบบนิเวศในแหล่งน้ำเพื่อให้ข้อมูลสนับสนุนการดำเนินงานโครงการ จัดอบรมเกี่ยวกับการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำและแนวทางปฏิบัติที่ดีในการอนุรักษ์สัตว์น้ำ พัฒนาเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โรงเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ เพื่อสนับสนุนโครงการธนาคารสัตว์น้ำ มีส่วนร่วมกับชุมชนในการสร้างตลาดสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์แปรรูป
องค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs) ประชาสังคม (Civil Society) และหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อม
ส่งเสริมให้เกิดความตระหนักในการใช้ประโยชน์จากธนาคารสัตว์น้ำและการจับสัตว์น้ำอย่างเหมาะสม ช่วยจัดตั้งกลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน วางแผนด้านการอนุรักษ์สัตว์น้ำและการจัดการแหล่งน้ำ ติดตามผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและให้คำแนะนำที่ก่อให้เกิดในทางปฏิบัติที่ดีเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ยั่งยืน
สมาชิกในชุมชน มีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งในการตัดสินใจเพื่อให้กิจกรรมตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของชุมชน เข้าร่วมอบรมเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับแนวปฏิบัติในการทำประมงและเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งน้ำ ปฏิบัติตามแนวทางหรือระเบียบในการทำการประมงเพื่อหลีกเลี่ยงการจับสัตว์น้ำในปริมาณมากจนเกินไป ร่วมมือกับนักวิจัยในการติดตามประชากรสัตว์น้ำในแหล่งน้ำ
องค์กรที่ให้ทุน จัดหาทุนหรือสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำในการจัดตั้งและดำเนินงานโครงการธนาคารสัตว์น้ำ พัฒนาตัวชี้วัดในการประเมินความสำเร็จและผลกระทบในการดำเนินงานโครงการธนาคารสัตว์น้ำ
ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเหล่านี้สามารถทำให้โครงการธนาคารสัตว์น้ำก่อให้เกิดผลดีทั้งสิ่งแวดล้อมและชุมชนในท้องถิ่นด้วยการใช้และแบ่งปันทรัพยากรร่วมกัน
บทสรุป
โครงการธนาคารสัตว์น้ำในชุมชนในประเทศไทยเป็นตัวอย่างที่น่าทึ่งว่า ชุมชนท้องถิ่นสามารถจัดการและฟื้นฟูทรัพยากรประมงของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างไร โดยการให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและการมีส่วนร่วมของชุมชน โมเดลนี้ไม่เพียงแค่ตอบสนองความต้องการเร่งด่วนในการอนุรักษ์ แต่ยังเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจในกลุ่มชาวประมงท้องถิ่น ขณะที่ความท้าทายยังคงเพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม บทเรียนที่ได้จากธนาคารสัตว์น้ำในชุมชนอาจทำหน้าที่เป็นแนวทางสำหรับโครงการที่คล้ายกันทั่วโลก
