ตัวอ่อนแมลงวันลายดำ: แหล่งโปรตีนทดแทนสำหรับอาหารปลา

โดย ดร.ชนกันต์ จิตมนัส

Image by WebSubstance from iStock.

ความต้องการโปรตีนจากสัตว์ทั่วโลก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปลาป่นซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนสำคัญสำหรับผลิตอาหารปลา กำลังเผชิญกับความท้าทายจากการจับปลาเกินขนาด (overfishing) และปัญหาสิ่งแวดล้อม ทำให้ต้นทุนผลิตอาหารปลาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวอ่อนแมลงวันลายดำ (Hermetia illucens L. หรือ BSFL) ได้กลายเป็นแหล่งโปรตีนทางเลือกที่มีศักยภาพในการทดแทนปลาป่น เนื่องจากต้นทุนในการผลิตหนอนแมลงวันลายดำต่ำ ขยายพันธุ์ได้เร็ว มีความสามารถในการเปลี่ยนขยะอินทรีย์ รวมทั้งขยะจากครัวเรือนและขยะจากอุตสาหกรรมการเกษตร ไปเป็นโปรตีนคุณภาพสูง

ศักยภาพของ BSFL ในการเปลี่ยนรูปขยะ

ตัวอ่อนของแมลงวันลายดำสามารถเจริญเติบโตและมีประสิทธิภาพสูงในการแปรสภาพขยะอินทรีย์ เช่น เศษอาหาร ขยะอาหารที่ปนเปื้อนน้ำมันหรือเนื้อสัตว์ เศษผัก ผลผลิตทางการเกษตรและขยะจากครัวเรือน ไปเป็นชีวมวลที่มีมูลค่า (Peguero 2024) ตัวอ่อน BSF สะสมโปรตีน ไขมันและสารอาหารอื่น ๆ ซึ่งทำให้มันเป็นแหล่งทรัพยากรที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ตัวอ่อน BSF มีโปรตีนสูงอยู่ในช่วง 30% ถึง 50% และมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของปลา (Shumo 2019) ทำให้เหมาะสมสำหรับการใช้เลี้ยงปลา นอกจากนี้ ตัวอ่อน BSF ยังมีไขมันที่มีประโยชน์ ซึ่งจำเป็นต่อการเติบโตของสัตว์น้ำ กรดไขมันของตัวอ่อน BSF อุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัว (Ewald 2020) ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและการเติบโตของปลา

ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจหมุนเวียน

หนึ่งในข้อได้เปรียบที่สำคัญของการใช้ BSFL เป็นแหล่งโปรตีนคือการมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจหมุนเวียน การใช้ขยะอินทรีย์ที่ถูกทิ้งไปในหลุมฝังกลบ ช่วยลดต้นทุนการกำจัดขยะและลดมลพิษทางสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ความสามารถของตัวอ่อนในการเติบโตจากขยะยังช่วยลดความต้องการใช้แหล่งโปรตีนสำหรับผลิตอาหารปลา เช่น ถั่วเหลืองหรือปลาป่น ซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการแปรรูปขยะจากตัวอ่อน BSF (Mertenat 2019) เมื่อเปรียบเทียบกับการทำปุ๋ยจากขยะแบบเปิด การประเมินวงจรชีวิต (LCA) แสดงให้เห็นว่าการปล่อย CO2eq จากสถานที่ผลิต BSF ต่ำกว่าการทำปุ๋ยถึง 47 เท่า ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่า กระบวนการทำขยะให้เป็นปุ๋ย (69%) และการใช้ไฟฟ้า (ถึง 55%) เป็นตัวแปรหลักที่มีผลต่อการเกิดภาวะโลกร้อน (GWP) โดยแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการแทนที่ปลาป่นด้วยตัวอ่อน BSF เพื่อลด GWP ลงได้ถึง 30% การผลิต BSF สำหรับอาหารปลาจึงเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนสำหรับอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ

คุณค่าทางโภชนาการสำหรับปลา

การทดแทนปลาป่นสำหรับผลิตอาหารปลาโดยใช้ตัวอ่อน BSF ประสบผลสำเร็จในปลาหลายชนิดโดยไม่ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตหรืออัตราการเปลี่ยนอาหารเป็นเนื้อ (FCR) ปลาแซลมอนแอตแลนติก (Salmo salar) ที่เลี้ยงในกระชังในทะเลสามารถกินอาหารที่มี BSF สูงถึง 10% โดยไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของเนื้อปลา (Radhakrishnan 2024) ในขณะที่การเสริมตัวอ่อน BSF ในอาหารกุ้งขาว (Litopenaeus vannamei) ทำได้สูงถึง 22.5 % โดยไม่ได้ส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโต (Usman 2021) ปลาดุกอัฟริกัน (Clarias gariepinus) สามารถทดแทนปลาป่นได้ถึง 50% โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโต การใช้ประโยชน์จากสารอาหาร อัตรารอดและความเป็นอยู่ที่ดีของปลาดุก (Adeoye 2020) ตัวอ่อน BSF สามารถทดแทนโปรตีนปลาป่นได้ถึง 75% โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโต องค์ประกอบเลือดและองค์ประกอบของร่างกายในปลานิล (Sangsawang 2024) อย่างไรก็ตาม การใช้ตัวอ่อน BSF ในอาหารปลาต้องได้รับการปรับอัตราส่วนให้เหมาะสมเพื่อให้ปลาได้รับอาหารที่มีความสมดุล เพราะหากมีการใช้ BSFL มากเกินไป อาจทำให้เกิดความไม่สมดุลในสารอาหารบางชนิด เช่น ใยอาหารหรือแร่ธาตุ การใช้ BSF 100% จะมีผลเสียต่ออัตราการเปลี่ยนอาหารเป็นเนื้อและประสิทธิภาพการใช้โปรตีนของปลานิล (Dietz 2018)

การใช้ BSFL ในการเลี้ยงปลาเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการทดแทนแหล่งโปรตีนจากปลาป่น แต่ต้องคำนึงถึงข้อจำกัดเกี่ยวกับคุณภาพโปรตีน การยอมรับของปลาและผลกระทบต่อการเจริญเติบโต โดยการใช้ตัวอ่อน BSF ควรผสมกับแหล่งโปรตีนอื่น ๆ เพื่อให้ได้สมดุลทางโภชนาการที่ดีที่สุดสำหรับปลา รวมทั้งต้องมีการควบคุมการผลิต BSF ให้ปลอดภัยจากสารเคมีหรือสิ่งปนเปื้อนที่อาจมีผลต่อสุขภาพของปลาและผู้บริโภค

ขั้นตอนการเลี้ยงตัวอ่อนแมลงวันลายดำ (BSFL) จากขยะครัวเรือนเพื่อผลิตอาหารปลา

ขั้นตอนนี้ครอบคลุมการเก็บรวบรวมและการเตรียมขยะ สภาพการเจริญเติบโตและเทคนิคการเก็บเกี่ยว

ระยะที่ 1 การเตรียมภาชนะเลี้ยง

ขั้นตอนที่ 1: เลือกภาชนะที่เหมาะสม ใช้ถาดพลาสติกหรือไม้ตื้น (20-30 ซม.) ภาชนะควรมีรูระบายอากาศและมีผ้าตาข่ายละเอียดปิดเพื่อให้อากาศถ่ายเทและป้องกันการหนีของแมลงวัน

ขั้นตอนที่ 2: ตั้งฐานป้องกันความชื้น ปูฐานของภาชนะด้วยวัสดุย่อยสลายได้ (เช่น ขี้เลื่อยหรือกระดาษที่ฉีก) เพื่อดูดซับความชื้นส่วนเกินและรักษาความสะอาด ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการระบายน้ำที่ดีเพื่อหลีกเลี่ยงการขังของน้ำ

ระยะที่ 2 การเก็บรวบรวมและการเตรียมขยะอินทรีย์ (ขยะครัวเรือน)

ขั้นตอนที่ 3: เก็บขยะอินทรีย์จากครัวเรือน เช่น เปลือกผัก เศษผลไม้ กากกาแฟ ข้าวหรือเส้นก๋วยเตี๋ยวที่เหลือ หลีกเลี่ยงการใช้เนื้อสัตว์ นมหรืออาหารที่มีไขมัน เพราะอาจดึงดูดแมลงศัตรูหรือทำให้การเจริญเติบโตของ BSF ล่าช้า

ขั้นตอนที่ 4: เตรียมขยะ ตัดเศษอาหารขนาดใหญ่เป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อช่วยเร่งกระบวนการย่อยสลายและทำให้ตัวอ่อนกินได้ง่ายขึ้น เพิ่มน้ำเล็กน้อยให้ขยะเพื่อรักษาความชื้นให้เหมาะสม (60-70%)

ขั้นตอนที่ 5: เก็บขยะที่เหลือ เก็บขยะอินทรีย์ในถังหมักหรือภาชนะที่คล้ายกันเพื่อเริ่มกระบวนการหมักหรือย่อยสลายก่อนให้อาหารตัวอ่อน BSF ทิ้งขยะให้ย่อยสลายเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมงเพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายและเพิ่มความสามารถในการย่อย

ระยะที่ 3 การเพาะเลี้ยงตัวอ่อน BSF จากไข่หรือตัวอ่อน

ขั้นตอนที่ 6: การเพาะเลี้ยงด้วยไข่ BSF หรือ ตัวอ่อน BSF หากใช้ไข่ BSF ให้โรยไข่ลงบนขยะที่เตรียมไว้ ไข่มักจะขายในปริมาณน้อย ดังนั้นควรโรยให้ทั่วเพื่อหลีกเลี่ยงการเบียดเสียด หากใช้ตัวอ่อน BSF ให้วางตัวอ่อนลงบนขยะที่เตรียมไว้ ตัวอ่อนจะเริ่มกินขยะและขยายพันธุ์ได้ทันที ใช้ตัวอ่อนประมาณ 1,000-2,000 ตัวต่อตารางเมตรของพื้นที่ขยะเพื่อการเจริญเติบโตที่เหมาะสม

ขั้นตอนที่ 7: ครอบภาชนะด้วยผ้าตาข่ายละเอียดเพื่อป้องกันไม่ให้แมลงวันหนีออกไป ขณะเดียวกันก็ให้อากาศถ่ายเทได้ วางภาชนะในที่อบอุ่น (ประมาณ 27-30°C) ที่มีแสงแดดส่องถึงหรือในที่ร่มเพื่อเลียนแบบสภาพแวดล้อมธรรมชาติของแมลงวัน

ระยะที่ 4 การให้อาหารและการจัดการการเจริญเติบโตของตัวอ่อน

ขั้นตอนที่ 8: การให้อาหารตัวอ่อน เติมขยะอินทรีย์ใหม่ลงในภาชนะเลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าขยะใหม่ถูกหั่นและมีความชื้น ตัวอ่อนจะกินขยะอย่างรวดเร็ว ดังนั้นอาจต้องให้อาหารทุก 2-3 วัน

ขั้นตอนที่ 9: รักษาระดับความชื้นในสภาพแวดล้อมเล็กน้อย หากขยะเริ่มแห้งให้เติมน้ำเล็กน้อยหลีกเลี่ยงการเติมน้ำมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ขาดออกซิเจนได้

ขั้นตอนที่ 10: เก็บภาชนะในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศดี ความชื้นสูงหรือขาดออกซิเจนอาจทำให้เกิดเชื้อราและโรค ซึ่งจะทำร้ายตัวอ่อน

ขั้นตอนที่ 11: การติดตามการเจริญเติบโตของตัวอ่อน ตัวอ่อนจะผ่านหลายระยะการเจริญเติบโตและจะเติบโตเต็มที่ในประมาณ 14-21 วัน ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและประเภทขยะที่ใช้ ตัวอ่อนจะค่อย ๆ เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเข้ม (ดำหรือสีน้ำตาล) เมื่อใกล้เจริญเติบโตเต็มที่

ระยะที่ 5 การเก็บเกี่ยวตัวอ่อน

ขั้นตอนที่ 12: เตรียมภาชนะสะอาดและแห้งสำหรับเก็บตัวอ่อนที่เติบโตเต็มที่

ขั้นตอนที่ 13: กระบวนการเก็บเกี่ยว เมื่อตัวอ่อนเจริญเติบโตเต็มที่ (30 – 35 วันหลังการเพาะเลี้ยง) จะพร้อมเก็บเกี่ยว ตัวอ่อนจะมีขนาดประมาณ 2-2.5 ซม. และมีสีเข้ม ค่อย ๆ ร่อนขยะเพื่อเก็บตัวอ่อน สามารถใช้ตะแกรงละเอียดหรือร่อนด้วยมือ

ขั้นตอนที่ 14: แยกแมลงวันตัวผู้ (ถ้าต้องการ) หากมีแมลงวัน BSF ตัวเต็มวัยเกิดขึ้นให้เอาออกจากภาชนะและปล่อยกลับสู่ธรรมชาติหรือนำไปใช้ในการขยายพันธุ์

ขั้นตอนที่ 15: ทำความสะอาดขยะที่เหลือจากภาชนะและเตรียมภาชนะสำหรับการเริ่มต้นรอบใหม่

ระยะที่ 6 การแปรรูปตัวอ่อนเพื่อใช้เป็นอาหารปลา

ขั้นตอนที่ 16: การอบหรือการแช่แข็ง อบตัวอ่อนในเตาอบหรือเครื่องอบที่อุณหภูมิ 50-60°C เป็นเวลา 6-12 ชั่วโมงจนแห้งสนิท หรือสามารถแช่แข็งตัวอ่อนเพื่อรักษาคุณค่าทางโภชนาการ

ขั้นตอนที่ 17: การบด (ถ้าจำเป็น) เมื่อตัวอ่อนแห้งหรือแช่แข็งแล้ว สามารถบดเป็นผงหรือทำให้เป็นเม็ดเพื่อการผสมในอาหารปลาได้ง่ายขึ้น การบดตัวอ่อนช่วยเพิ่มการย่อยได้ง่ายและสามารถผสมกับส่วนผสมอาหารปลาอื่น ๆ

ระยะที่ 7 การให้อาหารปลาด้วยตัวอ่อน BSF

ขั้นตอนที่ 18: ผสมตัวอ่อน BSF กับอาหารปลา เมื่อตัวอ่อนได้รับการแปรรูปแล้ว สามารถนำไปผสมในสูตรอาหารปลาได้โดยตรง ทั้งตัวอ่อนแห้งทั้งตัวหรือเป็นผง สำคัญที่ต้องปรับสมดุลอาหารเพื่อให้ได้สารอาหารที่จำเป็น (เช่น วิตามิน แร่ธาตุ และคาร์โบไฮเดรต)

ขั้นตอนที่ 19: โปรโตคอลการให้อาหารปลา ให้ตัวอ่อน BSF ในปริมาณที่เหมาะสมตามชนิดของปลาและความต้องการทางโภชนาการของมัน ปริมาณที่ใช้จะอยู่ที่ 10-20% ของอาหารรวม ขึ้นอยู่กับสูตรอาหาร

ความท้าทายและข้อควรพิจารณา

แม้ว่า BSF จะมีศักยภาพในการใช้เพื่อเป็นอาหารปลา การผลิตในปริมาณมากยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ประสิทธิภาพในการแปรสภาพขยะอาจแตกต่างกันไปตามประเภทของขยะที่ใช้ และคุณค่าทางโภชนาการของตัวอ่อนอาจได้รับผลกระทบจากวัสดุที่ใช้เลี้ยง นอกจากนี้ กระบวนการเลี้ยงตัวอ่อน BSF จากขยะครัวเรือนต้องการการจัดการอย่างระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการปนเปื้อนเชื้อโรคที่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพของตัวอ่อนและความปลอดภัยของอาหารปลาที่ได้ นอกจากนี้ การกำกับดูแลและมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับการใช้ BSF ในการผลิตอาหารปลาในอุตสาหกรรมยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา เนื่องจากการใช้โปรตีนจากแมลงเป็นการปฏิบัติใหม่ในหลายพื้นที่

บทสรุป

ตัวอ่อนของแมลงวันลายดำ (BSFL) มีศักยภาพเป็นแหล่งโปรตีนทดแทนที่ยั่งยืนสำหรับอาหารปลา โดยเฉพาะเมื่อผลิตจากขยะครัวเรือนและเศษเหลือจากการเกษตร ความสามารถของ BSFL ในการแปรสภาพขยะอินทรีย์ไปเป็นโปรตีนคุณภาพสูง พร้อมกับคุณค่าทางโภชนาการสำหรับปลาและศักยภาพในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ อย่างไรก็ตาม การวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพการแปรสภาพขยะเป็นโปรตีน และการทำให้มั่นใจในความปลอดภัยและการปฏิบัติตามมาตรฐานของอาหารปลาที่ใช้ BSFL เป็นส่วนประกอบเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้สามารถใช้ศักยภาพของ BSFL อย่างเต็มที่ในอุตสาหกรรมอาหารปลาทั่วโลก